PitaPata Dog tickers
Riding Momory
สวัสดีค่ะไมโลมาอีกแล้ว

สารทจีนผ่านไปแล้วเป็นอย่างไรกันบ้างคะ ของไหว้ทานกันหมดหรือยัง ถ้ายังก้ส่งๆมานี้ก็ได้นะคะ เดี๋ยวหนูจะเอาไปให้ทานแด่น้องพยาธิผู้หิวโหยจะได้บุญได้กุศลกันไงคะ

ไหว้สารทจีน
ไหว้สารทจีน
พูดถึงการไหว้สารทจีนที่ผ่านมาหนูก็ได้ร่วมไหว้กับเค้าด้วยน้า แม้ป่าป๊าจะหาว่าที่หนูนั่งยกมือปะหลกๆก็เพราะหนูตะกละอยากจะกินของไหว้มากกว่า แหมคนเราทำบุญก็อยากได้บุญไม่ใช่เหรอ ซู๊ดดด(อุ๊ปส์ ขอโทษทีน้ำลายมันหยดน่ะ) แต่ยังไงก็ตามหนูก็ได้รับบุญกลับเร็วจริงๆนะ เพราะหลังจากไหว้เสร็จแล้วหนูก็ไดกินบุญแทบทุกอย่างเลยเช่น ไก่ เป็ด หมู แแอปเปิล สาลี่ องุ่น ส้ม สัปรส ถั่วตัด งาตัด ขนมปุยฝ้าย และที่ขาดไม่ได้เลย ก็บุญเข่ง เอ้ย ขนมเข่งกับขนมเทียนไง ไหนใครว่าบุญกินไม่ได้ เอิ้ก(เสียงเรอแห่งความสุขและอิ่มบุญ)

แต่แล้วบุญของหนูก็หดหายไปส่วนหนึ่งเมื่อป่าป๊าได้ไปเจอข้อมูลที่ไม่สบอารมณ์กี๋อย่างยิ่งเกี่ยวกับสิ่งที่ไม่ควรให้ผู้น่ารักอย่างหนูกิน เช่น:




  • เครื่องดื่มที่มีอัลกอฮอล์(Alcoholic Beverages) จะทำให้เมา, โคม่า และตายได้








  • อาหารเด็ก(Baby Food) ที่อาจมีส่วนผสมของหัวหอม ซึ่งอาจเป็นพิษต่อน้องหมา และถ้ากินอาหารด็กเยอะๆก็อาจจะทำให้ขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อน้องหมาได้








  • ก้างปลา, กระดูกเป็ดไก่ หรือ กระดูกสัตว์เล็กๆ อาจทำให้ติดคอ หรือเข้าไปปักกระเพาะ บาดลำไส้ หลอดอาหารได้








  • อาหารแมว(Cat food) โดยทั่วไปมักจะมีโปรตีนและไขมันมากเกินไปสำหรับน้องหมา








  • ช็อกโกแลต, กาแฟ, ชา และสิ่งที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน(caffeine), ทีโอโบรมีน(theobromine) หรือทีโอฟีลีน(theophylline) ซึ่งเป็นพิษ และมีผลต่อหัวใจและระบบประสาท








  • น้ำมันที่สกัดจากส้ม(Citrus oil extracts) ทำให้อาเจียนได้








  • อาหารที่อุดมไปด้วยไขมัน(Fat trimmings) อาจเป็นสาเหตุของตับอ่อนอักเสบ(pancreatitis)








  • องุ่น และลูกเกด(Grapes and raisins) ประกอบด้วยสารพิษบางอย่างซึ่งไปทำลายไต แต่ไม่มีปัญหาสำหรับน้ำมันที่สกัดจากเมล็ดองุ่น








  • ฮอพส์(Hops) สารประกอบบางอย่างเป็นสาเหตุทำให้มีอาการหอบ, อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้น, อุณหภูมิสูงม ชักและตายได้








  • วิตามินเสริมของคนที่มีธาตุเหล็ก(iron) ทำให้ระบบการย่อยอาหารเสียหาย และเป็นพิษต่ออวัยวะส่วนอื่น เช่น ตับ ไตเป็นต้น








  • การกินตับ(liver)มากเกินไป จะทำให้วิตามินAเป็นพิษ ซึ่งมีผลต่อกระดูกและกล้ามเนื้อ








  • ถั่วแมคคาแดเมีย(Macadamia nuts) มีพิษบางอย่างซึ่งมีผลต่อระบบการย่อยอาหาร ระบบประสาท และกล้ามเนื้อ








  • กัญชา(Marijuana) มีฤทธิ์กล่อมประสาท ทำให้อาเจียน อัตราการเต้นของหัวใจไม่เป็นปกติ








  • นมและัผลิตภัณฑ์จากนม สุนัขโตและแมวโตบางตัวไม่สามารถรับกับเอนไซม์แลคตาสที่ช่วยย่อยน้ำตาลแลคโตสในนมได้ ทำให้มีอาการท้องเสีย ดังนั้นควรเปลี่ยนเป็นผลิตภัณฑ์นมสำหรับสัตว์เลี้ยงที่ไม่มีแลคโตสแทนซะดีๆ








  • อาหารเก่าม บูด หรือ ขยะ(Moldy or spoiled food, garbage) อาจมีสารพิษหลายอย่าง ที่เป็นสาเหตุให้อาเจียน ท้องเสีย และอาจมีผลกระทบต่ออวัยวะส่วนอื่นๆด้วย








  • เห็ด(Mushrooms) อาจมีพิษซึ่งมีผลกระทบกับระบบต่างๆในร่างกาย ทำให้ช็อก และเสียชีวิตได้








  • หอมและกระเทียม(Onions and garlic)(ดิบ สุก หรือเป็นผง) มีส่วนผสมของ sulfoxides and disulfides ซึ่งสามารถทำลายเซลล์เม็ดเลือดแดง และเป็นสาเหตุของภาวะโลหิตจาง(anemia) แมวจะไว(susceptible) ต่อสารเหล่านี้มากกว่าน้องหมา และกระเทียมจะเป็นพิษน้อยกว่าหอม








  • เมล็ดของลูกพลับ(Persimmons) เป็นสาเหตุของลำไส้อุดตันและลำไส้อักเสบ(intestinal obstruction and enteritis)








  • เม็ดในของลูกพีชและลูกพลัม(Pits from peaches and plums) เป็นตัวการ(ไม่ดี)ขัดขวางทางเดินการย่อยอาหาร






  • Rhubarb หรือ โกฏน้ำเต้า
    Rhubarb หรือ โกฏน้ำเต้า



  • มันฝรั่ง(Potato), โกฐน้ำเต้า(Rhubarb) และใบมะเขือเทศ(Tomato leaves); ลำต้นและกิ่งก้านของมันฝรั่งและมะเือเทศ(potato and tomato stems) มีสาร oxalates, ซึ่งมีผลกับการย่อยอาหาร ประสาท และการขับปัสสาวะ








  • ไข่ดิบ(Raw eggs) มีเอนไซม์ที่เรียกว่าavidin ซึ่งทำให้การดูดซึมไบโอติน(วิตามินบี ชนิดหนึ่ง)ลดลง ซึ่งนำไปสู่ปํญหาเรื่องขนและผิวหนัง และในไข่ดิบอาจมีเชื้อ Salmonella(เชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดโรคทางเดินอาหาร).








  • ปลาดิบ(Raw fish) ปลาดิบอาจมีผลทำให้ขาดสารไทอามีน(thiamine-วิตามิน บี ชนิดหนึ่ง) ทำให้เบื่ออาหาร, เป็นลมชัก และอาจรุนแรงถึงตายได้








  • เกลือ(Salt) ถ้าหากได้รับมากเกินไปจะนำไปสู่ภาวะที่ขาดความสมดุลของสารประกอบในร่างกาย(electrolyte imbalances)








  • เชือก(String) อาจทำให้อุดตันในลำไส้หรือในระบบย่อยอาหาร ที่เรียกว่า "string foreign body."








  • อาหารที่มีน้ำตาลหรือของหวาน(Sugary foods) นำไปสู่โรคอ้วน, ปัญหาสุขภาพฟัน และอาจเป็นโรคเบาหวานได้(diabetes mellitus)








  • กากอาหาร(Table scraps) (ในปริมาณมาก) กากอาหารไม่ใช่สิ่งที่มีค่าทางโภชนาการ ไม่ควรมีมากเกิน10%ของอาหาร ไขมันก็ควรจะตัดแต่งออกจากเนื้อ, กระดูกก็ไม่ควรให้กิน(ว้า..ของโปรดของหนูเลยนะนั่น)








  • ยาสูบ(Tobacco) มีส่วนผสมของนิโคติน(nicotine) มีผลกระทบกับการย่อยอาหารและระบบประสาท ทำให้ใจเต้นเร็ว วิงเวียนcollapseโคม่าcomaและเสียชีวิตในที่สุด







  • ขนมปังที่มีเชื้อยีสต์(Yeast dough) ทำให้เกิดแก็สในระบบย่อยอาหาร ทำให้ปวดและอาจทำให้กระเพาะอาหารหรือลำไส้ฉีกขาดได้





  • ไมโล ไหว้เจ้า
    ไมโล ไหว้เจ้า
    เมื่อบ่ายวันอาทิตย์(ที่ 6กย.) คูณหมอลูกนก(หมอจิ๊บ)ได้โทรศัพท์มาถามเรื่องผิวหนังหนู ป่าป๊าบอกว่าก็ดีขึ้นเล็กน้อย คุณหมอบอกให้ทายาและอาบน้ำด้วยแชมพูยาที่ให้มาต่อไป แล้วต้นเดือนหน้าค่อยไปหาหมอ แต่ถ้ามีอะไรก็ให้โทรถามหมอได้ แหมคุณหมอรักษาสัญญาดีจริงๆ น่ารักจังเลย

    ไว้วันหลังค่อยคุยกันใหม่นะคะ,บ๊ายบาย
    อาหมวยไมโล



    Bookmark and Share
    Riding Momory
    สวัสดีสารทจีนค่ะ
    พรุ่งนี้(3 กย.)เป็นวันสารทจีน และหนูเมื่อมาอยู่กับป่าป๊าหม่าม้าพี่ช้างเลยถือว่ามีเชื้อสายจีนก็แล้วกัง เอ้ย แล้วกัน ป่าป๊าได้ค้นหาตำนาน(นานมากๆ)เกี่ยวกับเทศกาลนี้จากหลายๆที่ แล้วเลือกมาให้อ่านดังนี้ค่ะ

    ตำนานที่ 1
    ตำนานนี้กล่าวไว้ว่าวันสารทจีนเป็นวันที่เซ็งฮีไต๋ตี๋ (ยมบาล) จะตรวจดูบัญชีวิญญาณคนตาย ส่งวิญญาณดีขึ้นสวรรค์และส่งวิญญาณร้ายลงนรก ชาวจีนทั้งหลายรู้สึกสงสารวิญญาณร้ายจึงทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ ดังนั้นเพื่อให้วิญญาณร้ายออกมารับกุศลผลบุญนี้จึงต้องมีการเปิดประตูนรกนั่นเอง

    พระยม หรือ ยมบาล
    พระยม หรือ ยมบาล
    ตำนานที่ 2
    มีชายหนุ่มผู้หนึ่งมีนามว่า “มู่เหลียน” (พระโมคัลลานะ) เป็นคนเคร่งครัดในพุทธศาสนามาก ผิดกับมารดาที่เป็นคนใจบาปหยาบช้าไม่เคยเชื่อเรื่องนรก-สวรรค์มีจริง ปีหนึ่งในช่วงเทศกาลกินเจนางเกิดความหมั่นไส้คนที่นุ่งขาวห่มขาวถือศีลกินเจ นางจึงให้มู่เหลียนไปเชิญผู้ถือศีลกินเจเหล่านั้นมากินอาหารที่บ้านโดยนางจะทำอาหารเลี้ยงหนึ่งมื้อ
    ผู้ถือศีลกินเจต่างพลอยยินดีที่ทราบข่าวว่ามารดาของมู่เหลียนเกิดศรัทธาในบุญกุศลครั้งนี้ จึงพากันมากินอาหารที่บ้านของมู่เหลียนแต่หาทราบไม่ว่าในน้ำแกงเจนั้นมีน้ำมันหมูเจือปนอยู่ด้วย การกระทำของมารดามู่เหลียนนั้นถือว่าเป็นกรรมหนัก เมื่อตายไปจึงตกนรกอเวจีมหานรกขุมที่ 8 เป็นนรกขุมลึกที่สุดได้รับความทุกข์ทรมานแสนสาหัส
    เมื่อมู่เหลียนคิดถึงมารดาก็ได้ถอดกายทิพย์ลงไปในนรกภูมิ จึงได้รู้ว่ามารดาของตนกำลังอดอยากจึงป้อนอาหารแก่มารดา แต่ได้ถูกบรรดาภูตผีที่อดอยากรุมแย่งไปกินหมดและเม็ดข้าวสุกที่ป้อนนั้นกลับเป็นไฟเผาไหม้ริมฝีปากของมารดาจนพอง แต่ด้วยความกตัญญูและสงสารมารดาที่ได้รับความทุกข์ทรมานอย่างสาหัสมู่เหลียนได้เข้าไปขอพญาเหงี่ยมล่ออ๊อง (ยมบาล) ว่าตนของรับโทษแทนมารดา
    แต่ก่อนที่มู่เหลียนจะถูกลงโทษด้วยการนำร่างลงไปต้มในกระทะทองแดง พระพุทธเจ้าได้เสด็จลงมาโปรดไว้ได้ทัน โดยกล่าวว่ากรรมใดใครก่อก็ย่อมจะเป็นกรรมของผู้นั้นและพระพุทธเจ้าได้มอบคัมภีร์อิ๋ว หลันเผิน ให้มู่เหลียนท่องเพื่อเรียกเซียนทุกทิศทุกทางมาช่วยผู้มีพระคุณให้หลุดพ้นจากการอดอยากและทุกข์ทรมานต่างๆ ได้ โดยที่มู่เหลียนจะต้องสวดคัมภีร์อิ๋ว หลันเผินและถวายอาหารทุกปีในเดือนที่ประตูนรกเปิดจึงจะสามารถช่วยมารดาของเขาให้พ้นโทษได้
    นับแต่นั้นเป็นต้นมา ชาวจีนจึงได้ถือเป็นประเพณีปฏิบัติสืบต่อมากันโดยตลอดด้วยการเซ่นไหว้ โดยจะนำอาหารทั้งคาวหวาน และกระดาษเงินกระดาษทองไปวางไว้ที่หน้าบ้านหรือตามทางแยกที่ไม่ไกลนัก มีนัยว่าเป็นการเบี่ยงเบนความสนใจของบรรดาวิญญาณเร่ร่อนที่กำลังจะผ่านมาใกล้ที่พักของตน

    จำนวนชุดที่ไหว้

    การไหว้ในเทศกาลสารทจีนแบ่งออกเป็น 3 ชุด ดังนี้

    ถาดซ้ายคือขนมเทียนและขนมเข่ง ถาดขวาคือไก่ต้ม
    ถาดซ้ายคือขนมเทียนและขนมเข่ง ถาดขวาคือไก่ต้ม


    1. ชุดสำหรับไหว้เจ้าที่

    จะไหว้ในตอนเช้า มีอาหารคาวหวาน ขนมที่ไหว้ก็ขนมถ้วยฟู กุยช่าย ส่วนขนมไหว้พิเศษที่ต้องมีซึ่งเป็นประเพณีของสารทจีนคือขนมเทียน ขนมเข่ง ซึ่งต้องแต้มจุดสีแดงไว้ตรงกลาง เนื่องจากชาวจีนมีความเชื่อที่ว่าสีแดงเป็นสีแห่งความเป็นศิริมงคล นอกจากนั้นก็มีผลไม้ น้ำชา หรือเหล้าจีน และกระดาษเงินกระดาษทอง


    2. ชุดสำหรับไหว้บรรพบุรุษ

    คล้ายของไหว้เจ้าที่พร้อมด้วยกับข้าวที่บรรพบุรุษชอบ ตามธรรมเนียมต้องมีน้ำแกงหรือขนมน้ำใสๆ วางข้างชามข้าวสวย และน้ำชาจัดชุดตามจำนวนของบรรพบุรุษ ขาดไม่ได้ก็คือขนมเทียน ขนมเข่ง ผลไม้และกระดาษเงินกระดาษทอง

    ของไหว้ 5 อย่าง
    ของไหว้ 5 อย่าง


    3. ชุดสำหรับไหว้วิญญาณเร่ร่อนหรือวิญญาณไม่มีญาติ

    วิญญาณเร่ร่อนหรือวิญญาณไม่มีญาติ เรียกว่า ไป๊ฮ๊อเฮียตี๋ แปลว่า ไหว้พี่น้องที่ดี เป็นการสะท้อนความสุภาพและให้เกียรติของคนจีน เรียกผีไม่มีญาติว่าพี่น้องที่ดีของเรา โดยการไหว้จะไหว้นอกบ้านของไหว้จะมีทั้งของคาวหวานและผลไม้ตามต้องการและที่พิเศษคือมีข้าวหอมแบบจีนโบราณ คอปึ่ง เผือกนึ่งผ่าซีกเป็นเสี้ยวใส่ถาด เส้นหมี่ห่อใหญ่ เหล้า น้ำชา และกระดาษเงินกระดาษทองจัดทุกอย่างวางอยู่ด้วยกันสำหรับเซ่นไหว้


    ขนมที่ใช้ไหว้

    ในสมัยโบราณชาวจีนใช้ขนมไหว้ 5 อย่าง เรียกว่า โหงวเปี้ย หรือเรียกชื่อเป็นชุดว่า ปัง เปี้ย หมี่ มั่ว กี

    ขนมเข่งและขนมเทียน
    ขนมเข่งและขนมเทียน
    • ปัง คือขนมทึงปัง เป็นขนมที่ทำมาจากน้ำตาล
    • เปี้ย คือขนมหนึงเปี้ย คล้ายขนมไข่
    • หมี่ คือขนมหมี่เท้า ทำมาจากแป้งข้าวเจ้าข้างในไส้เต้าซา
    • มั่ว คือขนมทึกกี่ เป็นขนมข้าวพองสีแดงตรงกลางมีไส้เป็นแผ่นบาง
    • กี คือขนมทึงกี ทำเป็นชิ้นใหญ่ยาวเวลาจะกินต้องตัดเป็นชิ้นเล็กๆ
    แต่ชาวไทยเชื้อสายจีนใช้ขนมเทียน ขนมเข่งในการไหว้ โดยหลักของที่ไหว้ก็จะมีของคาว 3 หรือ 5 อย่าง เช่น ไก่ หมู เป็ด ไข่ หมึก ปลา เป็นต้น ของหวาน 3 หรือ 5 อย่าง เช่น ขนมเทียน ขนมมัดไต้ ขนมถ้วยฟู หรือขนมสาลี่ปุยฝ้าย ขนมเปี๊ยะ ส้ม หรือผลไม้ตามใจชอบ

    แง่คิด


    ประเพณีสารทจีนนอกจากจะเป็นประเพณีที่ลูกหลานจะแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษซึ่งล่วงลับไปแล้ว ยังเป็นประเพณีที่มีกุศโลบายในการสนับสนุนให้ทุกคนในครอบครัวทำกิจกรรมร่วมกันอย่างพร้อมหน้าและมีความสุข
    ที่มา:จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

    การไหว้เจ้า


    การไหว้เจ้า เป็นธรรมเนียมประเพณีที่ลูกหลานจีนปฏิบัติสืบทอดกันมา ตามความเชื่อที่จะต้องไหว้เจ้าที่และไหว้บรรพบุรุษเพื่อให้เป็นสิริมงคล และนำมาซึ่งความสุขความเจริญแก่ครอบครัว ในปีหนึ่งจะมีการไหว้เจ้า 8 ครั้ง คือ
    • ไหว้ครั้งแรกของปี ไหว้เดือน 1 วันที่ 1 คือ ตรุษจีน เรียกว่า “ง่วงตั้งโจ่ย”
    • ไหว้ครั้งที่สอง ไหว้เดือน 1 วันที่ 15 เรียกว่า “ง่วงเซียวโจ่ย”
    • ไหว้ครั้งที่สาม ไหว้เดือน 3 วันที่ 4 เรียกว่า “ไหว้เช็งเม้ง” เป็นประเพณีที่ลูกหลานไปไหว้บรรพบุรุษที่ฮวงซุ้ย
    • ไหว้ครั้งที่สี่ ไหว้เดือน 5 วันที่ 5 เรียกว่า “โหงวเหว่ยโจ่ย” เป็นเทศกาลไหว้ขนมจ้าง
    • ไหว้ครั้งที่ห้า ไหว้เดือน 7 วันที่ 15 คือ ไหว้สารทจีนเรียกว่า “ตงง้วงโจ่ย”
    • ไหว้ครั้งที่หก ไหว้เดือน 8 วันที่ 15 เรียกว่า “ตงชิวโจ่ย” ที่คนทั่วไปรู้จักกันดีว่า ไหว้พระจันทร์
    • ไหว้ครั้งที่เจ็ด ไหว้เดือน 11 ไม่กำหนดวันแน่นอน เรียกว่า “ไหว้ตังโจ่ย”
    • ไหว้ครั้งที่แปด ไหว้เดือน 12 วันสิ้นปี เรียกว่า ไหว้สิ้นปี หรือ “ก๊วยนี้โจ่ย”
    ประเพณีการไหว้เจ้าทั้ง 8 ครั้งนี้ มีคำจีนเฉพาะเรียกว่า “โป๊ยโจ่ย” โป๊ย คือ 8 โจ่ย แปลว่า เทศกาล โป๊ยโจ่ย จึงหมายความว่า การไหว้เจ้า 8 เทศกาล ซึ่งนอกจากการไหว้เจ้า 8 เทศกาลนี้แล้ว บางบ้านอาจมีวันไหว้พิเศษกับเจ้าบางองค์ที่นับถือศรัทธา คือ
    • ไหว้เทพยดาฟ้าดิน เช่น การไหว้วันเกิดเทพยดาฟ้าดิน เรียกว่า “ทีกงแซ” หรือ “ทีตี่แซ” ก็ได้ ตรงกับวันที่ 9 เดือน 1 ของจีน
    • ไหว้อาเนี้ยแซ คือ ไหว้วันเกิดเจ้าแม่กวนอิม ปีหนึ่งมี 3 ครั้ง คือ วันที่ 19 เดือน 2, วันที่ 19 เดือน 6 และวันที่ 19 เดือน 9
    • ไหว้แป๊ะกงแซ ตรงกับวันที่ 14 เดือน 3
    • ไหว้เทพยดาผืนดิน คือ ไหว้โท้วตี่ซิ้ง ตรงกับวันที่ 29 เดือน 3
    • ไหว้อาพั้ว “อาพั้ว” คือ พ่อซื้อแม่ซื้อผู้คุ้มครองเด็ก วันเกิดอาพั้ว หรือ “อาพั้วแซ” ตรงกับวันที่ 7 เดือน 7 ของทุกปี
    • ไหว้เจ้าเตา ไหว้วันที่ 24 เดือน 12 เรียกว่า “ไหว้เจ๊าซิ้ง”
    การไหว้เจ้าพิเศษนี้ แล้วแต่ศรัทธาของแต่ละบ้านและแล้วแต่ความจำเป็น เช่น ถ้าที่บ้านไม่มีเด็ก ก็ไม่จำเป็นต้องไปไหว้อาพั้ว หรือถ้าที่บ้านไม่ได้ทำนาทำไร่ก็ไม่มีที่ และไม่มีความจำเป็นต้องไหว้โท้วตี่วิ้ง หรือเทพยดาผืนดิน
    เมื่อพูดถึงการไหว้เจ้า จะหมายถึงการไหว้เจ้าที่กับไหว้บรรพบุรุษ เครื่องเซ่นสำหรับไหว้เจ้าที่จะจัดเป็น 1 ชุด เครื่องเซ่นสำหรับบรรพบุรุษจะจัดเป็นอีกชุดต่างหาก การไหว้จะไหว้ในตอนเช้า โดยไหว้เจ้าที่ก่อน พอสายหน่อยจึงจะตั้งโต๊ะไหว้บรรพบุรุษ ซึ่งของไหว้จะมีของคาว ของหวาน ผลไม้ และเครื่องดื่ม โดยมีกับข้าวคาวเพิ่มเข้ามาสำหรับการไหว้บรรพบุรุษ ซึ่งมีธรรมเนียมว่าต้องให้มีของน้ำ 1 อย่าง เช่น แกงจืด
    การจัดของไหว้
    ถ้าจัดใหญ่ นิยมเป็นตัวเลข 5 คือ มีของคาว 5 อย่าง เรียกว่า “โหงวแซ” ประกอบด้วย หมู ไก่ ตับ ปลา และกุ้งมังกร แต่เนื่องจากกุ้งมังกรนั้นแพงและหาไม่ง่าย จึงนิยมไหว้เป็ดหรือปลาหมึกแห้งแทน ของหวาน 5 อย่าง เรียกว่า “โหงวเปี้ย” อาจเป็นซาลาเปาไส้หวาน ขนมไข่ ขนมถ้วยฟู ขนมกุยช่าย และขนมจันอับ ผลไม้ 5 อย่าง เรียกว่า “โหงวก้วย”
    ถ้าจัดเล็ก ก็เป็นชุดละ 3 อย่าง มีของคาว 3 อย่างเรียกว่า “ซาแซ” ของหวาน 3 อย่าง เรียกว่า “ซาเปี้ย” ผลไม้ 3 อย่าง เรียกว่า “ซาก้วย” หรือจะมีแค่อย่างเดียวก็ได้
    ผลไม้ที่ใช้ไหว้ จะนิยมเลือกชนิดที่มีอะไรที่เป็นมงคลอยู่ในตัว
    ส้ม เรียกว่า “ไต้กิก” แปลว่า โชคดี
    องุ่น เรียกว่า “พู่ท้อ” แปลว่า งอกงาม
    สับปะรด เรียกว่า “อั้งไล้” แปลว่า มีโชคมาหา
    กล้วย มีความหมายถึงการมีลูกหลานสืบสกุล
    ที่ในกระถางธูปที่ใช้ไหว้เจ้า บางคนนิยมใส่ “โหงวจี้” สำหรับปักธูป ประกอบด้วย เมล็ด 5 อย่าง คือ ข้าวสาร ข้าวเหนียว ถั่วเขียว ถั่วดำ และเชื้อแป้ง (ยีสต์) โดยถือว่าเมล็ดทั้งห้า คือบ่อเกิดของการเจริญเติบโตอุปมาอุปไมยให้การไหว้เจ้านี้นำมาซึ่งความเจริญรุ่งเรือง
    แต่การใช้โหงวจี้ปักธูป มีข้อจำกัดว่าใช้ได้แต่ในบ้าน ถ้าเป็นการไหว้นอกบ้าน ต้องใช้ข้าวสารหรือทราย มิฉะนั้นเชื้อแป้งเมื่อถูกความชื้น เช่น ฝนหรือน้ำค้าง จะทำให้แข็งตัวแล้วปักธูปไม่ลง
    เมื่อไหว้เจ้าเสร็จก็เผากระดาษเงินกระดาษทองเป็นการปิดท้ายรายการ

    ที่มา หนังสือตึ่งหนั่งเกี้ย ของคุณจิตรา ก่อนันทเกียรติ แพรวสำนักพิมพ์
    เป็นไงคะ ได้อ่านกันจนกลายเป็นคนจีนหรือยัง ไว้หนูจะมาเล่าให้ฟังใหม่หลังจากกิน เอ้ย ไหว้สารทจีนเสร็จแล้วนะคะ บ๊ายบาย
    Riding Momory
    สวัสดีค่ะ ไมโลมาแว้ววว
    เมื่อสองสัปดาห์ที่แว้ว เอ้ย ที่แล้ว(วันพฤหัสที่ 13 สค.) ป่าป๊ากับหม่าม้าพาหนูไปหาคุณหมออีกแล้ว อ๋อ หนูไม่ได้เป็นอะไรหรอกค่ะ แค่ตัวหนูมีกลิ่นหอมหอม(สำหรับหนูและเจ้าท๊อบบี้, เจ้าโมนี่และเจ้าปอร์โต้ - หนุ่มๆเพื่อนๆหนู)และผื่นแดงนิดหน่อยเท่านั้น แหมทั้งบ้านเหมือนจะกังวลกับหนูใหญ่เลย
    อายุ 10 เดือน วันที่ 18 สค. 2552
    พอไปถึงก็ขึ้นชั่งน้ำหน้าคราวนี้น้ำหนักหนูได้ 33.4 กก.ขึ้นมาอีก8ขีด คุณหมอบอกอย่าให้อ้วนเกินไปเดี๋ยวสะโพกดินระเบิดของหนู(ป่าป๊าชอบว่าก้นหนูเหมือนพี่นุกนิกAF6)จะมีปัญหารับน้ำหนักเกินไปทำให้สะโพกเสียได้ ป่าป๊ากับหม่าม้าเลยบอกหมอว่าจะลดอาหารหนูลงตอนหนูอายุครบ10เดือน(วันที่18นี้) ซวยเลย
    หนูมองหน้าคุณหมอแล้วนึกในใจ คุณหมอคงจะอิจฉาหนูแน่ๆเลยที่หม่าม้ากับป่าป๊าให้หนูกินอย่างดี แหมก็หุ่นคุณหมอน่ะพ้อมผอมอย่างกับนางแบบอดอาหาร(จำขี้ปากเค้า(ป่าป๊า)มาอีกที) อ้อ คุณหมอคนนี้ชื่อคุณหมอจิ๊บ ตัวเล็กๆหน้าคล้ายกับพี่ลูกนกสุภาพร(อันนี้หนูได้ยินป่าป๊ากับหม่าม้าเค้าเม้าท์กัน) นักร้องลูกทุ่งที่มีเพลงฮิตคือคุณลำใย แต่รู้สึกว่าป่าป๊ากับหม่าม้าจะชอบคุณหมอคนนี้เพราะเห็นหม่าม้าถามตารางเวลาการทำงานของคุณหมอเพื่อจะได้นัดตรวจหนูครั้งหน้า(วันที่ 20 สค. บ่ายสอง)

    Milo เล่นน้ำกับหม่าม้า
    Milo เล่นน้ำกับหม่าม้า
    หลังจากที่พี่ชุดแดงได้ทำการวัดอุณหภูมิทางก้นหนูด้วยแท่งแก้วเย็นๆ แล้วรายงานคุณหมอ(เท่าไหร่ก็จำไม่ได้มัวแต่เย้นเย็นอยู่ แต่ก็ปกติไม่มีไข้) จากนั้นคุณหมอก็จับตัวหนูโดยมีป่าป๊าสมรู้ร่วมคิดดูนั่นดูนี่แล้วก็ขูดเอาผิวหนังตรงที่มีสะเก็ดแถวๆขาหลังไปส่องกล้องดู สักพักก็ออกมาบอกว่าหนูมีเชื้อแบคทีเลียแล้วถามถึงพฤติกรรมและการดูแลหนู ได้ข้อสรุปว่าน่าจะติดเชื้อจากการที่หนูเล่นน้ำ คือเดิมทีป่าป๊าจะรดน้ำต้นไม้โดยใช้สายยางฉีด หนูเห็นน่าสนุกดีก็เลยชวนป่าป๊าเล่น ป่าป๊าก็แกล้งฉีดน้ำไปไกลๆให้หนูวิ่งงับน้ำ หนูก็วิ่งใหญ่เลย ปรากฎว่าการที่หนูวิ่งมากๆทำให้หนูอึ๊ดีขึ้น(อึ๊เยอะขึ้น ไม่ใช่ทีละนิดเหมือนก่อน) ป่าป๊าเลยชอบใจ(โรคจิตรึปล่าวหว่า) อีกอย่างช่วงก่อนนี้อากาศก็ โค-ตะ-ระ ร้อนเลยให้หนูวิ่งเไล่งับน้ำตอนรดน้ำต้นไม้ทั้งเช้าและเย็นทุกวัน

    ยาและแชมพู Malassezia
    ยาและแชมพู Malassezia

    คุณหมอจิ๊บบอกหนูคงติดเชื้อแบคทีเลียในดินและเมื่อเช็ดตัวไม่แห้งดีพอเชื้อก็เจริญเติบโตได้ดีบนผิวหนัง ดังนั้นคุณหมอให้งดการเล่นน้ำและให้ยากินมื้อละสามอย่างสามเม็ดเป็นพวกยาแก้แพ้แก้อักเสบวันละสองมื้อโดยให้ปนกับอาหารจะได้กินง่ายขึ้นหม่าม้าเลยเอายัดเข้าไปในกล้วยที่ผสมอยู่ในอาหาร(อาหารที่หนูกินจะเป็นอาหารเม็ดผสมมะเขือเทศ, ฟักทองต้ม, หัวไชเท้าต้ม, มันฝรั่งต้ม, กล้วย, เนื้อต้มหั่นชิ้นเล็กๆ) นอกจากนี้คุณหมอยังให้ยามาทาตามแผลผื่นแดงทุกวันเช้าเย็นเช่นกัน เฮ้อ!อดเล่นน้ำอีกแล้ว คุณหมอนะคุณหมอ

    bMalassezia Shampoo เป็นแชมพูรักษาโรคผิวหนัง/b
    Malassezia Shampoo เป็นแชมพูรักษาโรคผิวหนัง
    หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปไวเหมือนนกเอี้ยงบิน(เพราะหนูไม่เคยจับมันได้สักที พวกมันชอบบินมาลงที่สนามหญ้าแล้วก็เดินคุยกันไปจิกแมลงกินกันไปยังกับงานค็อกเทล คงเห็นหนูเป็นหมากระดาษมั้ง คิดแล้วอยากให้มีปีกงอกจัง วันก่อนป่าป๊าเห็นหนูแหงนมองเครื่องบินที่บินผ่านมา ป่าป๊าเลยบอกว่าถ้าหนูอยากบินได้เหมือนมันให้หนูรีบแหงนหน้าพร้อมทั้งยกมือสองข้างประกบกันแล้วอธิษฐานขอพรให้บินได้ก่อนที่เครื่องบินจะลับตาไป คล้ายๆกับที่คนขอพรตอนเห็นดาวตกไง เอ..หลอกกันป่าว) เราก็ไปหาคุณหมอจิ๊บกันอีกครั้ง น้ำหนักหนูเท่าเดิม เย็นก้นก็เหมือนเดิม ผิวหนังดีขึ้น ผื่นน้อยลง แต่ยังมีเชื้ออยู่คุณหมอก็ให้ยาเหมือนเดิม ยกเว้นยาทายังมีอยู่และให้แชมพูที่มีส่วนผสมของยาฆ่าเชื้อมาด้วย แล้วคุณหมอก็นัดให้มาตรวจอีกครั้ง(อีกแล้วเหรอเนี่ย)วันที่ 31 สค.

    แล้วหนูจะมาเม้าท์ให้ฟังใหม่นะคะ บ๊ายบาย!


    Riding Momory
    สวัสดีค่ะ
    วันนี้หนูขอแนะนำให้รู้จักกับพ่อแม่พี่น้องของหนูนะคะ ดูเลย

    My Daddy TH.CH."Richie"
    พ่อของหนู ชื่อ Richie หล่อมั้ย

    My Mom Sofee
    แม่หนู ชื่อ Sofee ส้วยสวยเนาะ

    เกิด: 18 ตุลาคม 2551  พี่น้อง: สีเหลืองทั้งหมด 8 ตัว เพศผู้ 4 ตัวเพศเมีย 4 ตัว
    พี่น้องสามัคคี

    jerry พี่ชายใหญ่
    Jerry พี่ชายใหญ่

    โมจิ พี่ชายรอง
    โมจิ พี่ชายรอง

    ขนุน พี่ชายสาม
    ขนุน พี่ชายสาม

    Hamberger พี่ชายสี่
    Hamberger พี่ชายสี่

    ใจดี พี่หญิงใหญ่
    ใจดี พี่หญิงใหญ่

    Milo หนูเองน่าร้ากน่ารัก
    Milo หนูเอง น่าร้ากน่ารัก

    จั่น หญิงเจ็ด (เรียกน้องเจ็ดดีกว่าค่ะ ว่ามั้ย)
    จั่น หญิงเจ็ด (เรียกน้องเจ็ดดีกว่าค่ะ ว่ามั้ย)

    hana หญิงแปด น้องเล็ก
    Hana หญิงแปด น้องเล็ก




    เป็นไงคะตระกูลหนู น่ารักทั้งนั้นเลยใช่มั้ยล่ะ  วันหลังค่อยคุยกันใหม่น้า บ๊ายบาย


    ไมโล
    Riding Momory
    วันนี้ป่าป๊ากับหม่าม้าพาหนูไปหาหมอตามหมายเรียก(หมอนัดฉีดยาทุก2เดือน) ที่รพ.รักษาสุดที่รักของมนุษย์ ศ.เมืองเอก อยู่ถ.เลียบคลองสามใกล้หัวถนนที่มีสะพานคลองสามตัดข้าม ที่จริงหนูต้องไปในวันที่1แล้ว แต่พอดีพี่ช้างไม่ว่าง ก็เลยว่าจะไปวันที่2 ซึ่งเป็นวันอาทิตย์แทน แ่ต่หลังจากที่พี่ช้างเรียนที่จุฬาเสร็จแล้วน่าจะมารับหนูไปหาหมอกลับโดนแรงดึงดูดของกาลิเลโอ(หนังเรื่อง หนีตามกาลิเลโอ)เข้าไปในโรงหนังเสียนี่ เฮ้อ ไมโลเซ็ง


    วันนี้หนูก็เลยต้องนั่ง(นอน)รถแท็กซี่ไปกันเพราะพี่ช้างต้องไปทำงาน พอไปถึงป่าป๊าพาขึ้นชังน้ำหน้าเอ๊ยชั่งน้ำหนักได้32.6กิโลกรัมกำลังอวบทีเดียวเชียว ส่วนหม่าม้าก็เอาพาสปอร์ตเล่ม(ไม่แดง)ลายสุนัขของหนูไปให้พี่ๆที่เคาน์เตอร์ดูการตรวจนัด หลังจากรอแป๊บนึงก็มีพี่ผู้ชายใส่เสื้อแดงมาพาหนูกับป่าป๊าไปห้องตรวจ(ป่าป๊าไม่ได้เป็นอะไรนะแค่เข้าไปเป็นเพื่อนหน่ะ แหม หนูก็ป๊อดเป็นเหมือนกันนะ) แล้วพี่แกก็เอาแท่งแก้วเย๊นเย็นสอดเข้าไปในก้นหนู พักหนึ่งแล้วก็เอาออกมาดมเอ๊ยดูแล้วบอกป่าป๊าว่าหนูปกติดีไม่มีไข้ หลังจากนั้นคุณหมอคนสวยใจดี(ชื่ออะไรก็ไม่รู้ป่าป๊าอ่านไม่ออก)ก็เข้ามาตรวจดูหนู ช่วงนี้หม่าม้าก็เข้ามาด้วยแล้วก็ถามคุณหมอเรื่องที่หนูมีขี้ตาตุ๊กแก(ป่าป๊าเป็นคนเรียก)เขลอะทุกวัน คุณหมอก็แหกตา(ถ่างตา)หนูดูและบอกว่าไม่เป็นอะไรไม่ได้ติดเชื้อ น่าจะเป็นเพราะฝุ่นหรือน้ำเข้าตา(ถูกเผงเลย เพราะหนูชอบเล่นน้ำกับป่าป๊าทุกวัน) จากนั้นคุณหมอก็ให้พี่สุดหล่อคนเดิมเอายาเม็ดขาวๆข๊มขมมายัดปาก(ยัดจริงๆ)2เม็ดแล้วจับปากหนูไว้ให้กลืนลงไป หนูก็เลยดิ้นหลุดมาเม็ดนึง คุณหมอซึ่งตอนนี้หนูว่าไม่ค่อยสวยและใจไม่ค่อยดีแล้วก็บอกให้พี่ผู้ชายซึ่งก็ไม่ค่อยหล่อแล้วเหมือนกันเอายาเม็ดนั้นยัดเข้าไปในอาหาร(น่าจะเป็นอาหารหมากระป๋อง)แล้วเอาให้ป่าป๊าป้อนแทน หนูคิดในใจว่าน่าจะทำอย่างนี้ตั้งแต่แรกเพราะหนูหน่ะกินง่ายเข้าข่ายตะกละเลยหล่ะ(ป่าป๊าคอนเฟิร์ม) ยัง ยังไม่จบค่ะเพราะคุณหมอบอกที่กินไปนั้นเป็นยาถ่ายพยาธิ์ตัวแบนยังต้องฉีดยากันพยาธิ์หนอนหัวใจอีกหนึ่งเข็ม แล้วก็ให้พี่จอมโหดจับตัวหนูไว้ก่อนที่จะจิ้มเข็มเข้าไปที่สีข้างใกล้สะโพกด้านขวาแล้วฉีดน้ำยาแสบๆเย็นๆเข้าไป เป็นอันเสร็จ


    มีแถมท้ายอีกนิดนึง คือว่าคงเป็นเพราะหนูตื่นเต้นไปหน่อยจึงทำให้ระหว่างที่รอหม่าม้าจ่ายตังค์ค่ายาหนูจึงปล่อยอึก้อนสีเหลืองกลิ่นหอมฟุ้งกองเบ้อเริ่มเลย ป่าป๊ากับหม่าม้าต้องขอโทษพี่ๆเค้าใหญ่ แหมมันเป็นเรื่องธรรมชาติไม่เห็นต้องตื่นเต้นเลยเนาะว่ามั้ยคะ

    หนูไปก่อนนะคะ แล้วจะมาคุยกันใหม่นะ บ๊ายบาย

    ไมโล
    Riding Momory



    หนูเป็นเด็กลาบราดอร์ รีทรีฟเวอร์ (Labrador Retriever) สีน้ำตาลเหลือง (ไม่รู้เหมือนสีไมโลตรงไหน) อายุได้ 8 เดือนกว่าแล้ว (เกิด 18 ตคใ 51) ที่จริงหนูมีชื่อตามใบเกิด(Pet Degree) ว่า Holly แต่พี่ช้างคนที่ไปรับหนูมาจากบ้านเกิด(ฟาร์ม)แถวคลองหก ปทุมฯ เป็นคนเปลี่ยนชื่อให้ใหม่ว่า ไมโล(Milo) สงสัยเห็นหนูแก่นเซี้ยวเหมือนเด็กผู้ชายก็ไม่รู้เนาะ ที่จริงหนูก็แค่ร่าเริงไปหน่อยเท่านั้นเอง ไม่เชื่อถามป่าป๊ากับหม่าม้าดูสิ (ป่าป๊ากับหม่าม้าเป็นคนเลี้ยงดูหนู เพราะพี่ช้างไม่ค่อยมีเวลาให้หนู)

    วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะคะ วันหลังค่อยมาเล่าอะไรสนุกๆให้อ่านกันนะคะ บ๊ายบาย

            ไมโล
    Related Posts with Thumbnails