PitaPata Dog tickers
Riding Momory
สวัสดีค่ะท่านผู้อ่านที่คิดถึงทุกท่าน

เมื่อวันก่อน(28 มค. 2553)ตอนเที่ยง ป่าป๊าได้ทิ้งหนูกับหม่าม้าอยู่บ้านแล้วไปสวนจตุจักรกับพี่ช้าง(ใจร้ายจังไม่ยอมพาหนูไปด้วย) ป่าป๊าเล่าให้ฟังว่าพี่ช้างขับรถขึ้นทางด่วนโทลเวย์ไปลงที่แยกลาดพร้าว(หน้าห้างฯ เซ็นทรัล) แล้ววิ่งต่อไปตั้งใจจะไปจอดที่ตลาด อ.ต.ก. แต่รถเยอะมาก เลยเปลี่ยนไปจอดที่ที่จอดรถของรถไฟฟ้าใต้ดิน(รฟม.)ที่บางซื่อ แล้วนั่งรถใต้ดินย้อนกลับมาขึ้นที่สถานีจตุจักร ค่ารถคนละ 16 บาท(พี่ช้างมีบัตรรถอยู่แล้ว)

 

จากนั้นก็เดินย้อนกลับมาเข้าสวนจตุจักรตรงประตูตรงข้ามกับกรมขนส่ง แล้วป่าป๊ากับพี่ช้างก็เริ่มเดินวนไปทางซ้ายมือซึ่งจะมีพวกไม้ดอกไม้ประดับ ส่วนทางขวาจะเป็นไม้ใหญ่ ซึ่งทางสวนฯจะจัดให้เกษตรกรนำต้นไม้มาขายได้ทุกวันพุธและพฤหัสบดี (วันที่ไปเป็นวันพฤหัสพอดี) นอกจากต้นไม้แล้วก็ยังจะมีพวกอุปกรณ์ปลูก ดิน ปุ๋ย เครื่องประดับสวนต่างๆ พี่ช้างตั้งใจจะซื้อพวกไม้ดอกเล็กๆเพื่อจะเอาไปปลูกในกระบะไม้ที่เคยปลูกกุหลาบก่อนหน้านี้(ป่าป๊าทาสียอมไม้ใหม่แล้ว) เดินไปจนถึงแถวหน้าตึกที่ทำการตลาดนัดสวนจตุจักร ก็ไปเจอกับต้นฟอร์เก็ทมีน็อทสวยดี มีหลายๆสี เช่น ขาวน้ำเงิน(45บาท/ต้น), ขาวม่วง(40บาท/ต้น), ขาวชมพู(35บาท/ต้น), ชมพู(30บาท/ต้น) พี่ช้างสนใจบอกป่าป๊าว่าไว้ค่อยเดินกลับมาซื้อ จากนั้นก็เดินดูต้นไม้ต่อและแวะซื้อดอกไม้ประดิษฐ์ เป็นดอกคอสมอสดอกใหญ่สีแดงเข้มมีเกสรสีเหลือง ซื้อมาสองช่อช่อหนึ่งมีสามดอก(ช่อละ 70 บาท) และหญ้าคาประดิษฐ์อีกหนึ่งกอ(กอละ 60 บาท) นอกจากนี้ยังได้ซื้อต้นกระดุมเงินประดิษฐ์ดอกตูมเล็กๆอีกหนึ่งกอ จนกระทั่งเดินมาถึงที่เขาขายต้นไม้ใหญ่พี่ช้างก็ไปถูกใจกับต้นลีลาวดีต้นหนึ่ง เป็นลีลาวดีพันธ์ขาวพวง มีดอกเป็นพวงขาวสวยดี มีกลิ่นหอม คนขายบอกมีอายุประมาณแปดปี สอบถามราคาได้ว่า 6,500 บาท คุยไปคุยมาคนขายก็เสนอขายรวมกับอีกต้นหนึ่งรวมสองต้นในราคา 10,000 บาท ส่งฟรี แต่มีค่าปลูกอีก 500 บาท ตกลงกันได้แล้วพี่ช้างก็เขียนแผนที่ แลกเบอร์โทรศัพพ์ และให้ไปส่งเลย(จ่ายเงินตอนปลูกแล้วเสร็จ) สรุปก็เลยได้ไม้ใหญ่แทนไม้กระบะซะงั้น


ขากลับป่าป๊าได้แวะซื้อดินก้ามปูที่ร้านขายต้นไม้ในซอยเลียบคลองสามทางกลับบ้านราคาเจ็ดถุงร้อยบาท หลังจากที่กลับถึงบ้านเกือบบ่ายสามโมงครึ่งป่าป๊าก็พาหนูไปเดินเพื่อให้หนูทำธุระในสนามหญ้าที่บ้านเสร็จก็เอาอาหารให้หนูกิน เสร็จแล้วก็เล่นกับหนู หนูก็นึกว่าวันนี้ทำไมป่าป๊าถึงใจดีให้หนูกินอาหารเร็วจัง ที่ไหนได้ก่อนสี่โมงเล็กน้อยเขาก็เอาต้นไม้มาส่ง(มากันสองคน)ป่าป๊าก็ให้หนูเข้าไปอยู่ในกรง แม้หนูจะพยายามบอก(เห่า)ว่าจะช่วยปลูกต้นไม้ด้วยป่าป๊าก็ไม่ฟัง หนูก็เลยได้แต่นั่งๆนอนๆในกรงส่งสายตามองเผื่อป่าป๊าจะใจอ่อนบ้าง


เริ่มต้นก็ให้พี่ช้างกำหนดจุดที่จะปลูก จุดแรกอยู่ใกล้กับที่เคยปลูกต้นโมกหลวงที่ตายไป ปรากฏว่าเมื่อขุดลงไปกลับเจอแผ่นคอนกรีตหนาและใหญ่มาก เลยต้องย้ายไปขุดที่จุดเดิมของต้นโมกหลวง ส่วนแผ่นคอนกรีตก็ได้โทรแจ้งคุณนันทชัย-โฟร์แมนของโครงการหมู่บ้านให้เอาคนมาขุดออกไปซึ่งเขาก็รับปากจะจัดการให้อีกวันสองวัน จุดที่สองอยู่ถัดตรงมาด้านหน้าในระนาบเดียวกับมุมของตัวบ้านขุดได้ไม่มีปัญหา ขุดเสร็จแล้วก็เอาดฺนก้ามปูที่ซื้อมารองที่ก้นหลุมทั้งสองหลุมเจ็ดถุงหมดเลย จากนั้นป่าป๊าก็เข้าไปช่วยกันเป็นสามคนเพื่อยกต้นไม้ลงจากรถ เริ่มจากต้นเล็กกว่าก่อนเพราะจะนำไปปลูกหลุมในก่อน ปรากฏว่าเกิดอุบัติเหตุกิ่งใหญ่กิ่งหนึ่งฉีกแยกเป็นทางยาวเกือบหักขาดจึงต้องหยุดเอาเชือกฟางสีเหลืองมัดให้แน่นและมัดโยงกับกิ่งอื่นๆเพื่อไม่ให้มันแกว่งได้จากนั้นจับตั้งมัดไว้กับรถก่อนเพื่อจะเอาต้นใหญ่ซึ่งเตี้ยกว่าแต่ทรงพุ่มใหญ่กว่าออกมาก่อนกิ่งก้านจะได้ไม่ไปเกี่ยวกับต้นเล็กอีก จากนั้นก็ยกเอาต้นใหญ่ไปลงปลูกที่หลุมด้านหน้าแล้วใช้ไม้ค้ำยันซึ่งเป็นไม้ยูคาลิปตัสสามต้นผูกกับต้นไม้ค้ำไว้ก่อน เสร็จแล้วก็ไปยกต้นเล็กไปลงปลูกที่หลุมใน


ลำดับต่อมาคนขายเขาก็เอาไม้ค้ำซึ่งมีขนาดสองถึงสามนิ้วตัดเป็นท่อนๆ ท่อนละเมตรยี่สิบเห็นจะได้จำนวนหกท่อนแล้วเสี้ยมปลายแหลมด้านหนึ่ง จากนั้นนำไปตอกชิดกับกิ่งใหญ่ๆต้นละสามท่อนโดยตอกลึกลงไปสักครึ่งของความยาวแล้วตัดไม้เป็นท่อนสั้นประมาณฟุตกว่าๆนำมาตอกยึดตรงด้านบนของไม้ที่ตอกลงไปในดินเป็นสามเหลี่ยม แล้วใช้เชือกผูกที่กิ่งแล้วมัดกับค้ำยันเพื่อกันไม่ให้ต้นล้มเอียงได้ โดยคนขายบอกว่าประมาณสองสามเดือนรากต้นไม้ก็จะแผ่ออกมาพอที่ต้นจะยืนเองได้ แต่เพื่อความไม่ประมาทก็ควรปล่อยให้อยู่กับค้ำยันไปตลอดจนกว่าตัวค้ำจะผุไปเอง สุดท้ายคนขายก็ตัดเอากระสอบมาพันรอบรอยแผลที่กิ่งของต้นเล็กแล้วใช้เข็มเย็บกระสอบเย็บจนแน่นดีและบอกให้เอาฮอร์โมนเร่งราก บีหนึ่ง(B1) ผสมน้ำรดที่กระสอบให้ชุ่มเพื่อให้เนื้อไม้สมานตัวกันเร็วขึ้น นอกจากนี้ยังให้รดที่โคนต้นด้วยเพื่อช่วยเร่งรากให้งอก เจริญเติบโตได้ดีขึ้น


ประมาณห้าโมงครึ่งตอนเย็นการปลูกต้นลีลาวดีก็แล้วเสร็จ ป่าป๊าถึงได้พาหนูออกมาดู หนูก็รู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อยที่อยู่ๆก็มีต้นไม้ใหญ่โผล่ขึ้นมาที่สนามหญ้าส่วนตัวของหนูตั้งสองต้น หนูก็เลยเดินไำปดมๆทั้งสองต้นเพื่อทำความรู้จักกับมันหน่อย พอหนูจะลองชิม(กัด)ไม้ค้ำดูสักหน่อยป่าป๊าก็โวยวายใหญ่ หนูก็เลยแกล้งคาบก้อนดินยั่วป่าป๊าแทน ซึ่งก็ได้ผลทุกครั้งเพราะป่าป๊าจะต้องวิ่งมาเพื่อบังคับให้หนูคายทิ้ง หนูก็จะวิ่งหนี บางครั้งหนูก็จะแกล้งคายพอป่าป๊าเข้ามาจะเอาไปทิ้งหนูก็จะคาบวิ่งหนีอีก สนุกดี แต่ถ้าป่าป๊าไม่อยากเล่นหรือจะเอาหนูเข้ากรงเค้าจะใช้ขนมมาล่อให้หนูคายทิ้งแล้ววิ่งไปให้ป่าป๊าจับตัวได้ ซึ่งก็ได้ผลทุกครั้งเหมือนกัน แฮ่ม


ไมโล



Bookmark and Share
Related Posts with Thumbnails